กลยุทธ์นี้ใช้ระดับการย้อนกลับของฟีโบนัชชีเพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่อาจเกิดขึ้นซึ่งราคาอาจพลิกกลับ เป้าหมายคือเพื่อคาดการณ์การย้อนกลับของราคาที่อาจเกิดขึ้นและเข้าสู่การซื้อขายที่ระดับสำคัญ
Fibonacci Retracement เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่นิยมใช้โดยผู้ซื้อขายเพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่อาจเกิดขึ้นตามลำดับ Fibonacci ระดับเหล่านี้สามารถช่วยให้ผู้ซื้อขายคาดการณ์จุดกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นในตลาดได้ ทำให้เป็นเครื่องมือที่มีค่าสำหรับทั้งตลาดที่มีแนวโน้มและตลาดที่มีช่วงราคา
แนวคิดหลักของการย้อนกลับของ Fibonacci:
- ลำดับฟีโบนัชชี :
- ลำดับฟีโบนัชชีเป็นชุดตัวเลข โดยที่แต่ละตัวเลขคือผลรวมของตัวเลขสองตัวที่อยู่ข้างหน้า (เช่น 0, 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13, 21 เป็นต้น)
- อัตราส่วน Fibonacci หลักที่ใช้ในการวิเคราะห์การย้อนกลับได้มาจากลำดับนี้ โดยหลักๆ แล้วคือระดับ 61.8%, 38.2% และ 23.6% แม้ว่าระดับ 50% จะไม่ใช่อัตราส่วน Fibonacci ที่แท้จริง แต่ก็มักใช้กันทั่วไปเนื่องจากมีความสำคัญในทางจิตวิทยาของตลาด
- อัตราส่วนฟีโบนัชชี :
- 61.8% (อัตราส่วนทองคำ) : ได้มาจากการหารตัวเลขหนึ่งในลำดับด้วยตัวเลขที่ตามมา (เช่น 21/34 ≈ 0.618)
- 38.2% : ได้มาจากการหารตัวเลขหนึ่งในลำดับด้วยตัวเลขที่อยู่ทางขวาสองตำแหน่ง (เช่น 21/55 ≈ 0.382)
- 23.6% : ได้มาจากการหารตัวเลขหนึ่งในลำดับด้วยตัวเลขที่อยู่ทางขวาสามตำแหน่ง (เช่น 21/89 ≈ 0.236)
- 50% : แม้ว่าจะไม่ใช่อัตราส่วน Fibonacci แต่ก็มักใช้เนื่องจากแสดงถึงจุดกึ่งกลางของช่วงราคา
- การประยุกต์ใช้ในการค้าขาย :
- ผู้ซื้อขายจะวางแผนระดับการย้อนกลับของ Fibonacci โดยการระบุการเคลื่อนไหวของราคาที่มีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นขาขึ้น (สำหรับแนวโน้มขาขึ้น) หรือขาลง (สำหรับแนวโน้มขาลง)
- ระดับการย้อนกลับจะถูกวาดจากจุดสูงสุด (จุดสูงสุด) ไปยังจุดต่ำสุด (จุดต่ำสุด) ของการเคลื่อนไหวสำหรับการย้อนกลับลง และจากจุดต่ำสุดไปยังจุดสูงสุดสำหรับการย้อนกลับขึ้น
- ระดับสำคัญ (23.6%, 38.2%, 50%, 61.8% และบางครั้ง 78.6%) ใช้เพื่อระบุว่าราคาอาจกลับตัวหรือพบแนวรับ/แนวต้านที่ใด ก่อนที่จะดำเนินต่อไปในทิศทางของแนวโน้มเดิม
- การตีความระดับฟีโบนัชชี :
- ระดับแนวรับ : ในแนวโน้มขาขึ้น ระดับ Fibonacci ที่ต่ำกว่าจุดสูงสุดคือระดับแนวรับที่มีศักยภาพซึ่งราคาอาจจะดีดตัวกลับขึ้นไปได้
- ระดับแนวต้าน : ในแนวโน้มขาลง ระดับ Fibonacci ที่อยู่เหนือจุดต่ำสุดคือระดับแนวต้านที่มีศักยภาพ ซึ่งราคาอาจเผชิญกับแรงกดดันการขาย
- กลยุทธ์การซื้อขาย : เทรดเดอร์มักมองหาปฏิกิริยาของราคาในระดับเหล่านี้ ร่วมกับตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่น ๆ เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ RSI หรือรูปแบบแท่งเทียน เพื่อยืนยันจุดเข้าหรือจุดออก
- ส่วนขยายฟีโบนัชชี :
- ในขณะที่ระดับการย้อนกลับช่วยระบุพื้นที่การกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นได้ ระดับส่วนขยายของฟีโบนัชชีจะใช้เพื่อคาดการณ์เป้าหมายการทะลุที่อาจเกิดขึ้นในทิศทางของแนวโน้ม ระดับส่วนขยายทั่วไป ได้แก่ 100%, 161.8%, 200% และ 261.8%
ตัวอย่างการปฏิบัติ:
- สมมติว่าราคาหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 100 ดอลลาร์เป็น 150 ดอลลาร์ (เคลื่อนไหว 50 ดอลลาร์) ระดับการย้อนกลับของฟีโบนัชชีจะเป็นดังนี้:
- อัตราการฟื้นตัว 23.6%: 150 ดอลลาร์ – (50 ดอลลาร์ * 0.236) = 138.20 ดอลลาร์
- อัตราการฟื้นตัว 38.2%: 150 ดอลลาร์ – (50 ดอลลาร์ * 0.382) = 130.90 ดอลลาร์
- 50% ของการฟื้นตัว: $150 – ($50 * 0.500) = $125.00
- อัตราการฟื้นตัว 61.8%: 150 ดอลลาร์ – ($50 * 0.618) = 119.10 ดอลลาร์
- หากราคาพลิกกลับมาที่ 130.90 ดอลลาร์ (ระดับ 38.2%) แล้วเริ่มสูงขึ้นอีกครั้ง นี่อาจเป็นสัญญาณว่าแนวโน้มขาขึ้นเดิมกำลังกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง
ข้อจำกัด:
- ไม่น่าเชื่อถือเสมอไป : ระดับ Fibonacci ไม่ใช่สิ่งที่แน่นอนเสมอไป และบางครั้งตลาดก็อาจละเลย โดยเฉพาะในสภาวะที่มีความผันผวนสูง
- การประยุกต์ใช้ในทางอัตนัย : ประสิทธิภาพของการย้อนกลับของ Fibonacci ขึ้นอยู่กับจุดที่เลือกมาเพื่อวาดระดับการย้อนกลับ ซึ่งอาจเป็นเชิงอัตนัยก็ได้
การย้อนกลับของ Fibonacci เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการระบุจุดเปลี่ยนที่อาจเกิดขึ้นในตลาด แต่จะได้ผลดีที่สุดเมื่อใช้ร่วมกับเครื่องมือและตัวบ่งชี้การวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ