MACD ใช้เพื่อระบุการเปลี่ยนแปลงในความแข็งแกร่ง ทิศทาง โมเมนตัม และระยะเวลาของแนวโน้ม ผู้ซื้อขายจะมองหาจุดตัดระหว่างเส้น MACD และเส้นสัญญาณเพื่อสร้างสัญญาณซื้อหรือขาย
Moving Average Convergence Divergence (MACD) เป็นตัวบ่งชี้ที่นิยมใช้ตามโมเมนตัมซึ่งใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อระบุแนวโน้ม วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม และค้นหาสัญญาณซื้อและขายที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวบ่งชี้นี้มีประสิทธิภาพในการระบุการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัม ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของทิศทางราคา
ส่วนประกอบหลักของ MACD:
- เส้นสัญญาณ :
- เส้นสัญญาณคือเส้น EMA 9 ช่วงเวลาของเส้น MACD เส้นนี้จะช่วยปรับเส้น MACD ให้เรียบเพื่อให้สัญญาณชัดเจนยิ่งขึ้น
- ฮิสโทแกรม MACD :
- ฮิสโทแกรมแสดงความแตกต่างระหว่างเส้น MACD และเส้นสัญญาณ โดยจะแสดงระยะห่างระหว่างเส้นทั้งสองนี้และช่วยระบุจุดตัดกันที่อาจเกิดขึ้นได้
กลยุทธ์การซื้อขาย MACD:
- ครอสโอเวอร์ของ MACD :
- สัญญาณซื้อ (Bulish Crossover) : เกิดขึ้นเมื่อเส้น MACD ตัดผ่านเหนือเส้นสัญญาณ ซึ่งแสดงว่าโมเมนตัมขาขึ้นกำลังเพิ่มขึ้น
- สัญญาณขาย (Bearish Crossover) : เกิดขึ้นเมื่อเส้น MACD ตัดลงต่ำกว่าเส้นสัญญาณ ซึ่งบ่งบอกว่าโมเมนตัมขาลงกำลังมีความแข็งแกร่งขึ้น
- ความแตกต่าง :
- Divergence ที่เป็นขาขึ้น : เมื่อราคาทำจุดต่ำลง แต่ MACD ทำจุดต่ำที่สูงขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าโมเมนตัมขาลงกำลังอ่อนตัวลง และมีแนวโน้มกลับตัวเป็นขาขึ้น
- Bearish Divergence : เมื่อราคาทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ MACD ทำจุดสูงสุดใหม่ต่ำลง ซึ่งบ่งชี้ว่าโมเมนตัมขาขึ้นกำลังอ่อนตัวลง และมีแนวโน้มกลับตัวเป็นขาลง
- ครอสโอเวอร์เส้นศูนย์ :
- เหนือศูนย์ (ขาขึ้น) : เมื่อเส้น MACD ตัดขึ้นเหนือเส้นศูนย์ แสดงถึงแนวโน้มขาขึ้น
- ต่ำกว่าศูนย์ (ขาลง) : เมื่อเส้น MACD ตัดลงต่ำกว่าเส้นศูนย์ แสดงว่าเป็นแนวโน้มขาลง
- การกลับตัวของฮิสโทแกรม :
- จุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของฮิสโทแกรมสามารถบ่งชี้การเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัมได้ ฮิสโทแกรมที่หดตัวชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่อ่อนตัวลง ในขณะที่ฮิสโทแกรมที่ขยายตัวชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่งขึ้น
ตัวอย่างการปฏิบัติ:
- หากผู้ซื้อขายเห็นเส้น MACD ตัดขึ้นเหนือเส้นสัญญาณ พร้อมด้วยฮิสโทแกรมที่เป็นบวก นั่นอาจเป็นสัญญาณของโอกาสซื้อที่ดี
- ในทางกลับกัน หากเส้น MACD ตัดลงต่ำกว่าเส้นสัญญาณ พร้อมด้วยฮิสโทแกรมเชิงลบ อาจบ่งชี้ถึงโอกาสในการขายหรือการขายชอร์ต
ข้อได้เปรียบหลัก:
- ความคล่องตัว : MACD ทำงานได้ดีในทั้งตลาดที่มีแนวโน้มและตลาดที่มีช่วงราคา
- ความเรียบง่าย : การใช้งานตรงไปตรงมา โดยรวมทั้งการติดตามแนวโน้มและองค์ประกอบโมเมนตัมเข้าด้วยกัน
- ตัวบ่งชี้ชั้นนำ : ความแตกต่างของ MACD ช่วยให้ระบุจุดกลับตัวได้ก่อนที่จะเกิดขึ้น
ข้อจำกัด:
- ตัวบ่งชี้ที่ล่าช้า : เนื่องจากใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ จึงอาจตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างกะทันหันได้ช้า
- สัญญาณหลอก : ในตลาดที่มีความผันผวนหรือเคลื่อนไหวด้านข้าง MACD อาจสร้างสัญญาณหลอก ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้
- ไม่มีสัญญาณซื้อมากเกินไป/ขายมากเกินไป : ไม่เหมือนกับ RSI, MACD ไม่ได้ให้ระดับซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไปที่ชัดเจน ดังนั้นผู้ซื้อขายจึงต้องพึ่งวิธีอื่นในการส่งสัญญาณเหล่านี้
บทสรุป:
MACD เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการระบุแนวโน้ม การเปลี่ยนแปลงโมเมนตัม และการกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น แม้ว่า MACD จะถูกใช้โดยเทรดเดอร์อย่างแพร่หลาย แต่จะมีประสิทธิผลสูงสุดเมื่อใช้ร่วมกับเครื่องมือและตัวบ่งชี้การวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อยืนยันสัญญาณและลดความเสี่ยงของการอ่านค่าที่ผิดพลาด