ความเข้าใจเกี่ยวกับการซื้อขายฟอเร็กซ์

ยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งการซื้อขาย Forex ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศซึ่งเรียกกันทั่วไปว่า Forex หรือ FX เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องสูงสุดในโลก โดยมีปริมาณการซื้อขายรายวันเกิน 6 ล้านล้านดอลลาร์ ตลาดนี้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ในศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญ เช่น ลอนดอน นิวยอร์ก โตเกียว และซิดนีย์ ทำให้สามารถซื้อขายได้อย่างราบรื่นตลอดเวลา

การเทรด Forex คืออะไร?

การซื้อขายฟอเร็กซ์ หรือการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเกี่ยวข้องกับการซื้อและขายสกุลเงินในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ตลาดโลกแห่งนี้เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ทำให้เป็นหนึ่งในตลาดการเงินที่เข้าถึงได้ง่ายและมีสภาพคล่องมากที่สุดในโลก

คู่สกุลเงิน

สกุลเงินต่างๆ มีการซื้อขายเป็นคู่ เช่น EUR/USD (ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ) หรือ GBP/JPY (ปอนด์อังกฤษ/เยนญี่ปุ่น)

สกุลเงินฐาน สกุลเงินแรกในคู่ที่คุณกำลังซื้อหรือขาย

สกุลเงินอ้างอิง สกุลเงินที่สองในคู่ ซึ่งที่คุณใช้ในการซื้อหรือขายสกุลเงินฐาน

ราคาของคู่สกุลเงินบ่งชี้ว่าต้องใช้สกุลเงินอ้างอิงเท่าใดจึงจะซื้อสกุลเงินฐานได้หนึ่งหน่วย ตัวอย่างเช่น หาก EUR/USD มีค่าเท่ากับ 1.2000 แสดงว่า 1 ยูโรมีค่าเท่ากับ 1.20 ดอลลาร์สหรัฐ


การเข้าถึงตลาด

ตลาด Forex เป็นตลาดที่กระจายอำนาจ ซึ่งหมายความว่าไม่มีการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ การซื้อขายจะดำเนินการผ่านเครือข่ายธนาคาร นายหน้า และสถาบันการเงินต่างๆ

ศูนย์กลางการเงินที่สำคัญ ได้แก่ ลอนดอน นิวยอร์ก โตเกียว และซิดนีย์ ตลาดเปิดดำเนินการอย่างต่อเนื่องในศูนย์กลางเหล่านี้ ทำให้สามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง


เหตุใดจึงต้องเทรดฟอเร็กซ์?

การเก็งกำไร

ผู้ค้ามุ่งหวังที่จะทำกำไรจากความผันผวนของราคาสกุลเงิน โดยการวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจ แนวโน้มตลาด และเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ ผู้ค้าสามารถตัดสินใจซื้อหรือขายคู่สกุลเงินอย่างมีข้อมูล

การซื้อขายเก็งกำไรต้องอาศัยการวิเคราะห์ทางเทคนิค (รูปแบบกราฟ ตัวบ่งชี้) และการวิเคราะห์พื้นฐาน (ตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจ เหตุการณ์ข่าว) เป็นอย่างมาก


การป้องกันความเสี่ยง

ธุรกิจและนักลงทุนใช้การซื้อขาย Forex เพื่อจัดการและบรรเทาความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ตัวอย่างเช่น บริษัทที่มีการดำเนินงานระหว่างประเทศอาจใช้การซื้อขาย Forex เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่เอื้ออำนวยซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัท


ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อราคาสกุลเงิน

ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ

การเติบโตของ GDP: เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งมักจะทำให้สกุลเงินของประเทศแข็งแกร่งขึ้น

ตัวเลขการจ้างงาน: อัตราการจ้างงานที่สูงบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจที่มีสุขภาพดีและสามารถส่งเสริมมูลค่าสกุลเงินได้

อัตราเงินเฟ้อ: อัตราเงินเฟ้อปานกลางโดยทั่วไปถือว่าเป็นผลดี แต่อัตราเงินเฟ้อรุนแรงอาจทำให้ค่าเงินลดลงได้

ยอดขายปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ฯลฯ สะท้อนถึงสุขภาพเศรษฐกิจโดยรวมและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค


อัตราดอกเบี้ย

ธนาคารกลาง เช่น ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หรือธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กำหนดอัตราดอกเบี้ย

อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ ส่งผลให้มีความต้องการสกุลเงินดังกล่าวเพิ่มขึ้น และอาจส่งผลให้มูลค่าของสกุลเงินนั้นสูงขึ้นด้วย

อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงอาจมีผลตรงกันข้ามคือทำให้การลงทุนลดลงและค่าเงินอ่อนค่าลง


เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์

เสถียรภาพทางการเมือง การเลือกตั้ง การเปลี่ยนแปลงนโยบาย และความขัดแย้งระหว่างประเทศอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความรู้สึกของตลาด

การพัฒนาทางการเมืองเชิงบวกสามารถทำให้สกุลเงินแข็งแกร่งขึ้น ในขณะที่ความไม่มั่นคงหรือความขัดแย้งอาจนำไปสู่การลดค่าเงินได้